Protocol
โปรโตคอล
คือ ข้อกำหนดหรือข้อตกลงในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ หรือภาษาสื่อสารที่ใช้เป็น
ภาษากลางในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ด้วยกัน การที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกเชื่อมโยงกันไว้ในระบบจะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้นั้น
จำเป็นจะต้องมีการสื่อสารที่เรียกว่า โปรโตคอล (Protocol)
เช่นเดียวกับคนเราที่ต้องมีภาษาพูดเพื่อให้สื่อสารเข้าใจกันได้
โปรโตคอลช่วยให้ระบบคอมพิวเตอร์สองระบบ ที่แตกต่างกันสามารถสื่อสารกันอย่างเข้าใจได้ คือข้อตกลงที่กำหนดเกี่ยว กับการสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ ทั้งวิธีการส่งและรับข้อมูล วิธีการตรวจสอบข้อผิดพลาดของการส่งและรับข้อมูล การแสดงผลข้อมูลเมื่อส่งและรับกันระหว่างเครื่องสองเครื่อง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าโปรโตคอลมีความสำคัญมากในการสื่อสารบนเครือข่าย หากไม่มีโปรโตคอลแล้ว การสื่อสารบนเครือข่ายจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้
โปรโตคอลช่วยให้ระบบคอมพิวเตอร์สองระบบ ที่แตกต่างกันสามารถสื่อสารกันอย่างเข้าใจได้ คือข้อตกลงที่กำหนดเกี่ยว กับการสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ ทั้งวิธีการส่งและรับข้อมูล วิธีการตรวจสอบข้อผิดพลาดของการส่งและรับข้อมูล การแสดงผลข้อมูลเมื่อส่งและรับกันระหว่างเครื่องสองเครื่อง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าโปรโตคอลมีความสำคัญมากในการสื่อสารบนเครือข่าย หากไม่มีโปรโตคอลแล้ว การสื่อสารบนเครือข่ายจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้
Data Link Layer
Data Link Layer
หรือเรียกชั้น
สื่อกลางของการส่งข้อมูล เพราะจะต้องมีการ ระบุหมายเลข addressของอุปกรณ์ต่างๆ ที่เรียกว่าMAC Address หน่วยของ layer นี้คือ Frame ตัวอย่างของ protocol
ในชั้นนี้คือ Ethernet , Token Ring , IEEE
802.3/202.2 , Frame Relay, FDDI,HDLC,ATM , MPLS เป็นต้น
เอฟดีดีไอ (FDDI) คืออะไร
เอฟดีดีไอ หรือเรียกอีกชื่อเต็มว่า Fiber Distributed Data Interface:FDDI คือ หน่วยงาน ANSI ได้ทำการกำหนดโปรโตรคลอที่ใช้งานบนเครือข่ายท้องถิ่น
โดยมีการควบคุมแบบโทเค็ริง ด้วยการส่งข้อมูลที่มีความเร็วถึง 100 เมกะบิตต่อวินาทีบนสายเคเบิลใยแก้วนำแสง
กลไกการส่งข้อมูลบนเครือข่ายเอฟดีดีไอจะใช้ Token Passing เช่นเดียวกับไอบีเอ็มโทเค็นริง
แต่เอฟดีดีไอ(FDDI) จะทำงานด้วยความเร็วที่สูงกว่า
ประกอบกับเครือข่ายเอฟดีดีไอยังสามารถที่จะออกแบบเพื่อรอบรับในความเสียหาของระบบได้ดี
ด้วยการเพิ่มวงแหวนในระบบเครือข่ายอีก รวมเป็น 2 วงแหวนด้วยกัน
ซึ่งประกอบด้วยวงแหวนปฐมภูมิและวงแหวนทุติยภูมิ
วงแหวนปฐมภูมิ(Primary Ring) คือ
วงแหวนหลักด้านนอกซึ่งใช้เป็นสายส่งข้อมูลหลักภายในระบบเครือข่าย
โดยรหัสโทเค็นจะวิ่งวนรอบวงแหวนทิศทางใดก็ทิศทางหนึ่ง
วงแหวนทุติยภูมิ(Secondary Ring) คือวงแหวนสำรองที่อยู่ด้านในสุด
โทเค็นที่อยู่ในวงแหวนด้านในจะวิ่งในทิศทางตรงกันข้ามกับวงแหวนด้านนอก
โดยวงแหวนทุติยภูมิจะถูกใช้งานก็ต่อเมื่อวงแหวนปฐมภูมิเกิดปัญหาเท่านั้น เช่น
สายเคเบิลที่วงแหวนในปฐมภูมิเกิดการขาด และเมื่อเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
วงจรภายในวงแหวนทุติยภูมิก็จะเริ่มทำงานทันทีด้วยการเชื่อมต่อเข้ากับวงแหวนปฐมภูมิ
ทำให้สามารถประคับประคองระบบให้ยังคงสามารถทำงานต่อไปได้
โดยเทเค็นเองก็ยังคงสามารถวิ่งภายในรอบวงแหวนได้เช่นเดิม
ทำให้เครือข่ายสามารถดำเนินการต่อได้ตามปกติ
Network Layer
Network Layer ในชั้นนี้จะกล่าวถึง
โปรโตคอล ต่างๆ เช่น IP, Novell's IPX , IBM's APPN
,Appletalk เป็นต้น การทำงานในชั้นนี้จะเป็นการเชื่อมต่อและการเลือกเส้นทาง
การนำพาข้อมูลระหว่างเครื่องสองเครื่องในเครือข่าย หน่วยของ layer นี้คือ packetสำหรับผู้ที่จะสอบ
CCNA จะต้องเข้าใจ เรื่องของ IP Address ทั้ง IPv4 ( IP version 4 )และ IPv6 ( IP version 6) โดยเฉพาะ IPv4 จะต้องคำนวณได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ และยังต้องมีความรู้เกี่ยวกับ Protocol ICMP , ARP อีกด้วย ซี่งจะอธิบายในบทต่อๆไป
ยกตัวอย่าง IP Protocol ซึ่ง ทำงานในระดับ Network Layer นี้
ข้อมูลใน Layer นี้ เรียกว่า IP Datagram ซึ่งมีการปะ Header ซึ่งมีข้อมูลต่างๆ ที่จะใช้ในการส่งให้ถึงปลายทาง
https://sites.google.com/site/suchawdisakdisunthr54/h04/41/4-2-data-link-layer/43
Transport Layer
Transport Layer
ในชั้นนี้จะเป็นการแบ่งข้อมูลใน
Layer ต่างๆให้พอเหมาะกับการใช้งานเช่นอาจจะแบ่งข้อมูลในส่วนของ
Layer บนให้พอเหมาะกับการจัดส่งลงไปใน Layer ล่าง ซึ่งเรียกว่า Segmentationprotocol ในชั้นนี้คือ TCP,UDP,SPXหรือจะเรียกง่ายๆว่า
ชั้นแห่งการขนส่ง สำหรับผู้ที่จะสอบCCNA ต้องเข้าใจคุณสมบัติและความแตกต่างระหว่าง
TCP (Transmission Control Protocol) และUDP (User DatagramProtocol) เป็นอย่างดี
TCP/IP
(Transmitsion Control Protocol/Internet Protocol) เป็นชุดของโปรโตคอลที่ถูกใช้ในการสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สามารถใช้สื่อสารจากต้นทางข้ามเครือข่ายไปยังปลายทางได้
และสามารถหาเส้นทางที่จะส่งข้อมูลไปได้เองโดยอัตโนมัติ
ถึงแม้ว่าในระหว่างทางอาจจะผ่านเครือข่ายที่มีปัญหา โปรโตคอลก็ยังคงหาเส้นทางอื่นในการส่งผ่านข้อมูลไปให้ถึงปลายทางได้
Session Layer
Session
Layer ชั้นนี้จะเป็นตัวควบคุมการส่งผ่านข้อมูลการสื่อสาร
จากต้นทางไปยังปลายทาง ให้มีความสอดคล้องกัน โดยไม่เกิดผลกระทบต่ออินเตอร์เฟสต่างๆ
protocol ในชั้นนี้คือ RPC,
SQL,Netbios , Windows socket, NFS เป็นต้นสำหรับ Session
Layer นี้จะเปรียบเหมือนชั้นแห่งการเข้าถึงApplication ต่างๆยกตัวอย่าง ที่เห็นได้ชัด กรณีเราเข้า Program เกี่ยวกับNetwork ที่เห็นได้ชัดสุด
เช่นmsnmessenger ช่วงที่connecting อยู่นั้น
จะเป็นช่วงของ session layer จะเป็นชั้นที่บอกว่าจะ
เข้าสู่Application ได้หรือไม่
NFS ย่อมาจาก Network File System คือบริการที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเข้าถึงไฟล์และไดเรกทอรี
บนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้เหมือนกับใช้งานเครื่องของตัวเอง
โดยสามารถใช้บริการได้อย่างสะดวก ง่ายและมีประสิทธิภาพที่ดีผ่านระบบเครือข่ายเน็ตเวิรค
โดยระบบปฏิบัติการของเครื่องเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องเป็นระบบปฏิบัติการเดียวกันกับเครื่องแม่ข่ายที่ให้บริการ
NFS (เครื่อง NFS Server) การทํางานของ NFS จะมีลักษณะเป็น
Client Server
Presentation Layer
Presentation
Layer เป็นชั้นที่จะแสดงผลออกมาในรูปของ
ภาพต่างๆที่เรามองเห็น เช่น รูปภาพ ที่ปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์ และอาจจะรวมไปถึง
การส่งผ่านข้อมูลต่างๆในรูปแบบของตัวโปรแกรม ที่มีการเข้ารหัส ว่ามีผลเป็นอย่างไร protocol ที่ใช้งานในชั้นนี้คือ JPEG, ASCII, Binary,EBCDICTIFF, GIF,MPEG, Encription เป็นต้นต่อจาก Session Layer ยกตัวอย่าง msn messenger ช่วงที่connecting ถ้าnetwork ปกติ user และ password ถูกต้อง
จะสามารถเข้าสู่msn messenger ได้
จะมีหน้าตาของApplication ขึ้นมา
ซึ่งก็คือ file ภาพต่างๆนั่นเอง อาจจะเป็น JPEG , BMP เป็นต้น
Application Layer
Application
Layer หรือ
Process Layer เป็นลำดับชั้นการทำงานของโปรโตคอล TCP/IP ตามมาตฐาน DoD - Reference
Model ซึ่งเมื่อนำมาเทียบกับมาตรฐานของ
OSI - Reference Model นั้น ในชั้นบนสุดที่เรียกว่า Process Layer ของ DoD - Model จะทำงาน 2 หน้าที่เทียบได้กับ Application
Layer และ
Presentation Layer ของ OSI - Reference
Model ในชั้นนี้จะรองรับการทำงานของ
Application ต่าง ๆ อย่างเช่น เมื่อมีเครื่อง Client ขอใช้บริการเพื่อจะติดต่อขอ Download File ผ่านทาง Internet โดยอาจจะเรียกใช้โปรแกรม
FTP Client ทั่วไป อย่างเช่นโปรแกรม WS_ftp เพื่อติดต่อกับโปรเซส FTP ที่กำลังให้บริการอยู่ที่เครื่อง Server จากนั้นตัวโปรเซส
FTP ก็จะเรียกใช้โปรโตคอล FTP ( File
Transfer Protocol ) เพื่อทำการโอนถ่ายไฟล์นี้ไปให้เครื่อง Client เป็นต้น
FTP ย่อมาจาก File Transfer Protocol คือ โปรโตคอลเครือข่ายชนิดหนึ่ง
ถูกนำใช้ในการถ่ายโอนไฟล์ ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ อย่างการถ่ายโอนไฟล์ระหว่าง
ไคลเอนต์ (client) กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นแม่ข่าย
เรียกว่า โฮสติง (hosting) หรือ
เซิร์ฟเวอร์
ซึ่งทำให้การถ่ายโอนไฟล์ง่ายและปลอดภัยในการแลกเปลี่ยนไฟล์ผ่านอินเตอร์เน็ต การใช้
FTP ที่พบบ่อยสุด ก็เช่น การดาวน์โหลดไฟล์จากอินเทอร์เน็ต
ความสามารถในการถ่ายโอนไฟล์ ทำให้ FTP เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนที่สร้างเว็บเพจ
ทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ โดยที่การติดต่อกันทาง FTP เราจะต้องติดต่อกันทาง Port 21
ซึ่งก่อนที่จะเข้าใช้งานได้นั้น จะต้องเป็นสมาชิกและมีชื่อผู้เข้าใช้ (User) และ รหัสผู้เข้าใช้ (password) ก่อน และโปรแกรมสำหรับติดต่อกับแม่ข่าย (server) ส่วนมากจะใช้โปรแกรมสำเร็จรูป เช่น โปรแกรม Filezilla,CuteFTP หรือ WSFTP ในการติดต่อ
เป็นต้น
FTP แบ่งเป็น 2 ส่วน
1. FTP
server เป็นโปรแกรมที่ถูกติดตั้งไว้ที่เครื่องเซิฟเวอร์
ทำหน้าที่ให้บริการ FTP หากมีการเชื่อมต่อจากไคลแอนเข้าไป
2. FTP
client เป็นโปรแกรม FTP ที่ถูกติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของ user
ทั่วๆไป
ทำหน้าที่เชื่อมต่อไปยัง FTP server และทำการอัพโหลด
,ดาวน์โหลดไฟล์ หรือ จะสั่งแก้ไขชื่อไฟล์, ลบไฟล์ และเคลื่อนย้ายไฟล์ก็ได้เช่นกัน
http://www.siam1.net/article-17494.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น